ป๊อก…ป๊อก… ครืด

ป๊อก…ป๊อก… ครืด

เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัยเชียงใหม่ ในแง่ของความเศร้า ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัด แต่สถานที่เกิดคือ หอ 7 หญิง ในสมัยที่ มช. ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรัง หน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืดไม่มีแสงไฟ

เรื่องเกิดกับนักศึกษาสาวคู่หนึ่ง อาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3 ของหอหญิงเจ็ด ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำ แล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่ จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมา ฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ฝากซื้อราดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกัน กินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่า ได้ เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้อง เมทคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่อ อ่านได้ซักพักก็ไม่ไหวเพราะไข้ขึ้นจึงนอน ตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลือ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว ทำไมเพื่อยังไม่กลับมาซะที ตกดึก ฝนเริ่มตกหนัก เมทคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อ ในใจเป็นห่วงเพื่อนะ เพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่างจากทางบันได ป๊อกป๊อกป๊อกป๊อก เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามา จากทางบันไดดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมา และเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนน ั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป ครื..ด..ครื..ด.ค..รืด เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง ก๊อก ก๊อก ก๊อก แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อราดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อราดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวน ไม่รอเจอกันก่อนจะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได คิดต่างๆ นาๆ แต่แล้วก็แกะห่อราดหน้าออก ทานเสร็จก็ทานยาตาม ได้ซักพักก็ม่อยหลับไป

รุ่งเช้า.มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืน ตรงพงหญ้าข้างทาง คาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหัก อาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หน ี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาดหลังจากทา นข้าวเสร็จ (ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม) ทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อ คนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วราดหน้าเมื่อคืนล่ะ? ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือ หลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว จึงนำห่อราดหน้าที่ซื้อมาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหักหมด แล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือ เพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุง แล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันไ ด ลากตัวเองขึ้นมาเป็นเสียง ป๊อก ป๊อก เสียง ครืด ที่ได้ยิน คือเสียงลากตัวเองจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นร อยเปียกน้ำยาวติดต่อกัน >>หลังจากส่งห่อราดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง

ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่า แต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆ ห้องยืนยันว่า ในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนัก และลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมา แล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจ มิตรภาพอยู่เหนือความตา

คุ้มเจ้าหลวง

ขนลุก! ถ่ายติดวิญญาณไร้หัว ที่คุ้มเจ้าหลวง14 ก.ย. เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างที่สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาไม้เศรษฐกิจแพร่ อ.เมือง จ.แพร่ เมื่อ นายอิทธิชัย ประมาณ หัวหน้างานบัญชีการเงิน นำเอารูปถ่ายชวนสยอง ออกมาดูและวิพากษ์วิจารณ์ โดยเป็นรูปผู้ชายใส่เสื้อสีแดงเลือดนก กางเกงขายาว ถ่ายหน้าคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ โดยที่ชายในรูปไม่มีหัว และแขนทั้งสองข้าง

นายอิทธิชัย กล่าวว่า วันที่ 13 กันยายน ได้นำคณะเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจากส่วนกลางที่ตรวจบัญชี ไปกราบไหว้ศาลหลักเมืองและเที่ยวชมคุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. และได้ถ่ายรูปให้กับพนักงานขับรถของคณะที่บริเวณหน้าอาคารทรงไทย หลังจากถ่ายเสร็จแล้วก็ไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งรุ่งเช้านำรูปมาเปิดดูก็ต้องตกใจ เพราะว่ารูปที่เห็นเป็นรูปที่ไม่มีหัว และแขนสองข้าง

ทั้งนี้คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่เป็นคุ้มเจ้าหลวงที่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยรัชการที่ 5 ยุคต้น มีรูปเป็นแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรป  ในสมัยรัฐการที่ 5 ได้จัดให้เป็นที่พักของเจ้าหลวงเมืองแพร่ และภายใต้ดิน ยังได้สร้างเป็นคุกขังนักโทษกบฎ ในสมัยนั้นและมีนักโทษตายในคุกจำนวนมาก ต่อมาทางการได้ปรับปรุง ให้เป็นที่พักของผู้ว่าราชการจังหวัด ที่เรียกว่าจวนผู้ว่าราชการ เมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา จากปัญหาหลายด้านทั้งทางด้านวัฒนธรรม ทางด้านความเชื่อทางไศยศาสตร์ ก็เกิดมีการกล่าวขานกันเป็นประจำ เลยต้องสร้างจวนผู้ว่าหลังใหม่ และก็ได้โอนถ่ายคุ้มเจ้าหลวงมาอยู่ในความดูแลของ อบจ.แพร่ จนถึงปัจจุบัน

อย่างไรก็ตามได้เชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการถ่ายรูปอัดภาพจากร้านถ่ายรูปแห่งหนึ่งมาตรวจสอบด้วย ได้รับการยืนยันว่าเป็นรูปที่ไม่ได้ตัดต่อ อาจเป็นเพราะเทคนิคและเอฟเฟคท์ของแสงและสี แต่ผู้ที่ได้เห็นภาพดังกล่าวต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บางรายว่าอาจจะเป็นพระยาไชยบูรณ์ มาปรากฏให้เห็น เนื่องจากในสมัยกบฏเงี้ยวปล้นเมืองแพร่ พระยาไชยบูรณ์ได้ร่วมรบ และถูกพวกเงี้ยวฟันศีรษะขาดในสนามรบในอดีต

 

คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่

หญิงชรานิรนาม

ผงะ! ภาพถ่ายติดวิญญาณหญิงชรา

สองดีเจถึงกับผงะ หลังถ่ายรูปเป็นที่ระลึก พบมีหญิงชรานิรนามปรากฎอยู่บนภาพ ด้านเจ้าของภาพยืนยันช่วงที่ถ่ายภาพไม่มีใครอยู่ในบริเวณนั้น

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีเจ้าหน้าที่อบต.ละงู อ.ละงูจ.สตูล ถ่ายภาพติดหญิงชรานิรนามในงานเทศกาลส่งเสริมการท่องเที่ยวตำบลละงู ประจำปี 2554 ณ สวนสาธารณะหนองปันหยา ระหว่างวันที่ 7-10 ม.ค. ที่ผ่านมา

โดยในคืนวันที่ 10 ม.ค. 54 ซึ่งเป็นคืนสุดท้ายที่มีการประกวดมิสลากู 2011 ปรากฎว่า ในระหว่างถ่ายภาพคู่ระหว่างน.ส.จิรารัตน์ หวันดาหลา หรือ ดีเจหรา กับ นายสมชาย เร๊ะหมีน ดีเจตะวัน แห่งคลื่นเลิฟเรดิโอ 99.24 MHz เมื่อกลับมาลงภาพในคอมพิวเตอร์ปรากฎว่าพบมีภาพหญิงชราปรากฏขึ้นในภาพทั้งๆที่ช่วงถ่ายภาพไม่มีใครในบริเวณนั้นเลย สร้างความตกใจและหวาดกลัวให้กับผู้ถ่ายภาพและเจ้าของภาพ เมื่อถามใครก็ไม่มีใครรู้จักกับหญิงชราในภาพ

ด้านน.ส.จิรารัตน์ กล่าวว่า ให้น.ส.รองรัตน์ บารา ถ่ายภาพตนคู่กับดีเจตะวัน บริเวณด้านข้างเวที ตรงที่พักผู้เข้าประกวดนางงาม พอตอนเช้านำภาพมาลงในคอมพิวเตอร์ ปรากฏว่าในภาพมีภาพใบหน้าหญิงชราเกิดขึ้นในภาพทำให้ตนและน้องถึงกับตกใจ เพราะตอนที่ถ่ายไม่มีใครอยู่ตรงบริเวณนั้น ในขณะอีกภาพที่ถ่ายบริเวณเดียวกันแต่คนละมุมเพื่อหลบแสงไฟจากด้านหลัง ก็ไม่มีภาพผู้หญิงชราดังกล่าว

ต่อมามีคนมาทำพิธีเข้าทรงบริเวณหนองน้ำปันหยาสถานที่จัดงาน จึงทราบว่าเป็นผู้หญิงที่อยู่บริเวณนั้นเมื่อหลายร้อยปี หรือเป็นโต๊ะทวดที่ปกปักรักษาหนองน้ำมาดูลูกหลานจัดกิจกรรมเท่านั้น

เพื่อนลูก

ช็อค! แม่ผู้ดีถ่ายภาพติดวิญญาณ “ผีเพื่อนลูก“

(7 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นางซาราห์ สมิธ แม่ลูกหนึ่งชาวอังกฤษ ได้ถ่ายภาพที่เชื่อกันว่าเป็นวิญญาณเด็กติดอยู่ในภาพของลูกชาย โดยภาพดังกล่าวถูกบันทึกในบ้านของเธอในเมืองเซอร์เรย์ ซึ่งที่ผ่านมาเมืองนี้ก็มักมีเสียงร่ำลือว่าได้เกิดเหตุการณ์ประหลาดอยู่บ่อยครั้ง

โดย นางจูเลีย แม่ของนางซาราห์ กล่าวว่า ภาพนี้เป็นภาพจริงไม่ได้ตกแต่งเพิ่มเติมอย่างแน่นอน ซึ่งภาพนี้ลูกสาวของเธอได้ถ่ายถึงสองครั้ง โดยครั้งแรกเกิดรัศมีสองดวงขึ้นในภาพ จนต้องลบทิ้งและถ่ายใหม่อีกครั้งจนปรากฎเป็นภาพที่มีวิญญาณเด็กปรากฎอยู่ข้างด.ช.ซิริอุส หลานชายของเธอ

นางจูเลีย กล่าวต่อว่า เธอไม่รู้สึกตกใจหรือกลัวเมื่อเห็นภาพ เนื่องจากหลานชายสามารถเข้ากับวิญญาณเด็กดังกล่าวได้อย่างดี ประกอบกับเพื่อนบ้านเคยบอกไว้ก่อนหน้านี้ว่าบ้านของเธอมีวิญญาณอยู่ โดยครอบครัวของเธอก็ได้เจอกับเหตุการณ์อันน่าพิศวงในช่วงที่หลานชายเธอเกิดใหม่ ขณะที่นอนอยู่ในเปลปรากฎว่าเปลเกิดแกว่งเองโดยไม่มีใครไปแตะต้อง

ณ ต้นตะเคียน

ภาพถ่ายติดวิญญาณ ชายไร้หัว นุ่งโจงกระเบนแดงภาพถ่ายติดวิญญาณ ชายนุ่งโจงกระเบนสีแดงไร้หัว คาดเป็นวิญญาณที่สิงในต้นตะเคียน หลังเจ้าของบ้านนำไม้มาซ่อมบ้านหลังน้ำท่วมใหญ่

(15 มี.ค. )ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ใน ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีนักเรียนถ่ายภาพแล้วมีภาพชายรูปร่างสูงใหญ่นุ่งโจงกระเบนสีแดงไม่มีหัว จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบ น.ส.พัชราภรณ์ อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 พร้อมนำภาพถ่ายดังกล่าวให้ดู พบว่าเป็นภาพหญิงสาววัยรุ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงมีแสงไฟส่องสว่าง ด้านหลังเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง ที่ด้านซ้ายของภาพ ปรากฏภาพชายรูปร่างสูงใหญ่ นุ่งโจงกระเบนสีแดงไม่สวมเสื้อ ลักษณะคล้ายยืนมองอยู่ ส่วนภาพอื่นที่ถ่ายในช่วงเวลาเดียวกันไม่ปรากฏภาพชายดังกล่าว

น.ส.พัชราภรณ์ กล่าวว่าตนเป็นคนถ่ายรูปเพื่อนไว้เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคืนวันก่อนวันมาฆบูชา โดยใช้โทรศัพท์มือถือของตนเองถ่ายภาพเล่นกับเพื่อนที่หน้าบ้าน เมื่อเปิดดูในโทรศัพท์ไม่พบความผิดปกติอะไร กระทั่งนำภาพจากโทรศัพท์ลงคอมพิวเตอร์ส่งอีเมล์ให้เพื่อน เมื่อเปิดภาพดูถึงกับตกใจขนหัวลุก เมื่อพบว่ามีชายลึกลับปรากฏอยู่ในภาพ ยืนยันวันที่ถ่ายภาพเล่นกันไม่มีใครมายืนหรือเดินไปมาที่หน้าบ้าน เพราะตนมองเห็นชัดเจนว่าไม่มีใครยืนอยู่ที่หน้าบ้าน และยืนยันว่าไม่มีการตกแต่งภาพอย่างแน่นอน

ด้าน นางกัลยาวีร์ เจ้าของบ้านและเป็นน้าของ น.ส.พัชราภรณ์ กล่าวว่า บ้านของตนเองถูกน้ำท่วมหนักเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา จนบ้านได้รับความเสียหาย มีเพื่อนที่รู้จักกันใน จ.เลย แนะนำให้ไปซื้อไม้ราคาถูกเพื่อจะนำมาซ่อมแซมบ้าน จึงได้เดินทางไปซื้อไม้ตะเคียนแปรรูป วันที่ขนไม้มา จู่ๆคนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ร้องไห้ออกมาอย่างฟูมฟายตลอดเวลาไม่ยอมขับรถ พยายามสอบถามพูดคุยแต่ก็ไม่รู้เรื่อง เลยตัดสินใจจุดธูปบอกกล่าว ว่าจะนำไม้ไปซ่อมแซมบ้านเพราะบ้านชำรุด ขอให้ไปอยู่ด้วยกันที่บ้านพอตนเองปักธูปลง คนขับรถบรรทุก 10 ล้อ ก็หยุดร้องไห้ทันที

นางกัลยาวีร์ กล่าวต่อว่า หลังจากที่ได้นำไม้มาซ่อมแซมบ้านจนเสร็จ ช่วงกลางดึกเพื่อนบ้านมักจะได้ยินเสียงระนาดดังออกมาจากบ้าน ตนเองถึงกับตกตะลึงเพราะมีหลายคนที่ได้ยินเสียงระนาด จึงเชื่อว่าภาพชายรูปร่างสูงใหญ่ที่ปรากฏในภาพคงจะเป็นวิญญาณ ที่อยู่สิงอยู่ในต้นตะเคียนอย่างแน่นอน จึงเตรียมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เพื่อความสบายใจของคนในบ้าน และเพื่อนบ้าน โดยเชื่อว่าวิญญาณที่อยู่ในต้นตะเคียนจะคอยดูแลปกป้องคนในบ้าน

 

ในร้านน้ำชา

ช็อก! ภาพติดวิญญาณในร้านน้ำชา

(5 ก.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานภาพถ่ายติดวิญญาณร้านน้ำชาแห่งหนึ่งในประเทศสก็อตแลนด์ จากภาพเห็นเป็นกลุ่มควันสีขาวจาง ๆ อยู่บริเวณโต๊ะอาหารอย่างชัดเจน

ตามรายงาน แดน คลิฟฟอร์ด วัย 35 ปี เจ้าของร้านน้ำชา Curiositeaz Vintage ในเมืองเพิร์ธ ประเทศสก็อตแลนด์ เล่าว่าขณะที่เขาได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดพบว่าว่า ขณะนั้นเวลาประมาณเที่ยงคืนไม่มีคนอยู่ในร้าน เขาเห็นกลุ่มควันจาง ๆ สีขาวลอยมาที่โต๊ะอาหาร เมื่อมองอย่างละเอียดแล้ว มีลักษณะเหมือนคนสามารมองเห็นเหมือนส่วนหัวและหัวไหล่ ตอนแรกเขาคิดว่ามีคนเข้ามาขโมยของในร้าน หลังจากเขาเดินสำรวจก็ไม่พบใครอยู่ในร้าน จากการสังเกตุจะเห็นว่ากลุ่มควันนั้นสามารถมองทะลุผ่านได้

รายงานภาพติดวิญญาณจากกล้องวงจรปิด พนักงานในร้านเล่าว่าพวกพนักงานต่างเจอเหตุการณ์แปลก ๆ บ่อยครั้ง อาทิ เก้าอี้เลื่อนเองหรือไม่ได้ยินเสียงกระซิบทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครพูด

เมื่อข่าวภาพติดวิญญาณแพร่สะพัดออกไป ได้กลุ่มเหนือธรรมชาติ (กลุ่มพิสูจน์สิ่งเหนือธรรมชาติในสก๊อตแลนด์) มาติดต่อขอท้าพิสูจน์สิ่งเหนือธรรมชาติที่ร้านน้ำชาแห่งนี้

กู้ภัยฯ

 

 

ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ เชื่อเป็นขาผู้ตาย

ภาพถ่ายปริศนาในงานศพเจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ เชื่อเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณของผู้ตาย เพราะไม่ใส่รองเท้าข้างหนึ่ง เนื่องจากตอนเกิดเหตุรองเท้าอีกข้างหายไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ก.ย.) ในพิธีรดน้ำศพนายนิรันดร์ สร้างพล หรือหมี อายุ 37 ปี เป็นอาสาสมัครรหัส ฉก.ใต้ 10 ซึ่งได้รับประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต ขณะขี่รถจยย.บริเวณบางนาตราด กม.7 เมื่อเช้าของวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ฮือฮาขึ้นเมื่อมีการถ่ายภาพปริศนา

นายชลอ เสือกระจ่าง พนักงานกู้ภัย รหัสนคร 58 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำศพของนายนิรันดร์ มาทำพิธีรดน้ำ ที่ศาลา 1 วัดด่าน ถ.พระราม 3 ซอย 34 ระหว่างทำพิธี นายวาทิต เพียรดี เพื่อนอาสาสมัครรหัส บางซื่อ 19 ก็ได้ถ่ายภาพคู่กับแท่นวางรูปหน้าศพเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงให้นายนัทธพล ศรีสังข์ อาสาสมัครตัวแทนฐานทุ่งมหาเมฆ นำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพให้ ซึ่งนายนัทธพลก็กดชัตเตอร์เอาไว้  2 ครั้ง

“พอภาพดูก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าภาพที่บันทึกไว้ใบแรกนั้นเป็นปกติทุกอย่าง แต่ภาพใบที่สองปรากฏว่ามีขาของชายปริศนาผู้หนึ่งไปยืนอยู่ด้านหลังแท่นวางรูปหน้าศพ ซึ่งภาพที่เห็นมีเพียงแค่ส่วนขานุ่งกางเกงขายาวสีเขียวแก่แบบฟอร์มของมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ขาข้างซ้ายสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ส่วนที่ขาข้างขวาไม่สวมรองเท้า หลายคนเชื่อว่าขานั่นคือวิญญาณผู้ตายแน่นอน เนื่องจากรูปร่างเท่ากัน และตอนผู้ตายประสบเหตุสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ และเหลือแค่ข้างซ้ายเท่านั้นที่ติดอยู่กับศพ ส่วนข้างขวาไม่มีใครหาเจอคาดว่าคงมีรถคันอื่นเหยียบติดล้อไปด้วย” นายชลอ กล่าว

ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ
ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ
ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ

เชื่อเป็นภาพถ่ายติดวิญญาณของผู้ตาย เพราะไม่ใส่รองเท้าข้างหนึ่ง เนื่องจากตอนเกิดเหตุรองเท้าอีกข้างหายไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (19 ก.ย.) ในพิธีรดน้ำศพนายนิรันดร์ สร้างพล หรือหมี อายุ 37 ปี เป็นอาสาสมัครรหัส ฉก.ใต้ 10 ซึ่งได้รับประสบอุบัติเหตุถูกรถชนเสียชีวิต ขณะขี่รถจยย.บริเวณบางนาตราด กม.7 เมื่อเช้าของวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุการณ์ฮือฮาขึ้นเมื่อมีการถ่ายภาพปริศนา

นายชลอ เสือกระจ่าง พนักงานกู้ภัย รหัสนคร 58 กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้นำศพของนายนิรันดร์ มาทำพิธีรดน้ำ ที่ศาลา 1 วัดด่าน ถ.พระราม 3 ซอย 34 ระหว่างทำพิธี นายวาทิต เพียรดี เพื่อนอาสาสมัครรหัส บางซื่อ 19 ก็ได้ถ่ายภาพคู่กับแท่นวางรูปหน้าศพเก็บไว้เป็นที่ระลึก จึงให้นายนัทธพล ศรีสังข์ อาสาสมัครตัวแทนฐานทุ่งมหาเมฆ นำโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพให้ ซึ่งนายนัทธพลก็กดชัตเตอร์เอาไว้  2 ครั้ง

“พอภาพดูก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าภาพที่บันทึกไว้ใบแรกนั้นเป็นปกติทุกอย่าง แต่ภาพใบที่สองปรากฏว่ามีขาของชายปริศนาผู้หนึ่งไปยืนอยู่ด้านหลังแท่นวางรูปหน้าศพ ซึ่งภาพที่เห็นมีเพียงแค่ส่วนขานุ่งกางเกงขายาวสีเขียวแก่แบบฟอร์มของมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่ขาข้างซ้ายสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ ส่วนที่ขาข้างขวาไม่สวมรองเท้า หลายคนเชื่อว่าขานั่นคือวิญญาณผู้ตายแน่นอน เนื่องจากรูปร่างเท่ากัน และตอนผู้ตายประสบเหตุสวมรองเท้าผ้าใบสีดำ และเหลือแค่ข้างซ้ายเท่านั้นที่ติดอยู่กับศพ ส่วนข้างขวาไม่มีใครหาเจอคาดว่าคงมีรถคันอื่นเหยียบติดล้อไปด้วย” นายชลอ กล่าว

ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ
ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ
ภาพถ่ายติดวิญญาณกู้ภัยฯ

เชลยสงครามโลกครั้งที่สอง

หลอน! ภาพถ่ายติดวิญญาณ เชลยสงครามโลกครั้งที่2(28 ก.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดเหตุชวนตะลึงเมื่ออดีตนายทหาร จอห์น ทัลลอค ชาวอังกฤษวัย 66 ปี ได้เดินทางไปยังเกาะบอร์เนียว ซึ่งเป็นเคยเป็นเส้นทางเดินแถวแห่งความตายของเชลยสงครามครั้งที่สอง เมื่อปี 1945 ก่อนจะบันทึกภาพที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณของทหารสงครามโลกครั้งที่ 2 ขณะเดินออกจากป่า

รายงานระบุว่า จอห์นได้ถ่ายภาพไว้กว่า 200 ภาพ โดยเขาไม่ได้สังเกตเห็นภาพลี้ลับดังกล่าวในทันที แต่หลังจากกลับมาดูภาพอีกครั้งนึง เขาถึงกลับขนลุกไปทั้งตัว เมื่อในภาพมีลักษณะเหมือนโครงกระดูกมนุษย์ประมาณ 17-18 คน กำลังเดินออกจากป่า โดยจอห์น ได้ศึกษาภาพดังกล่าวและเชื่อว่าภาพนี้เป็นภาพที่บันทึกในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเหตุการณ์ทหารเชลยสงครามเดินแถว Sandakan Death Marche ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,400 คน

โดยเชลยจำนวนมากต้องเดินเท้าเปล่าและหิวโหย ถูกทหารญี่ปุ่นทารุณ ให้เดินเป็นระยะทางกว่า 160 ไมล์ท่ามกลางอากาศร้อนเป็นเวลานับเดือน โดยคนที่ล้มจากอาการหมดแรงจะถูกปล่อยทิ้งให้ตาย ถูกสังหาร หรือยิงทิ้ง รวมทั้งถูกตัดศรีษะด้วย และสถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการ”กินมนุษย์” เกิดขึ้นจากเชลยสงครามบางคนที่ต้องการรอดชีวิต และจากประวัติศาสตร์ พบว่ามีเพียงชาย 6 รายเท่านั้นที่สามารถรอดชีวิตจากเหตุเดินแถว เพราะพวกเขาสามารถหลบหนีได้

อย่างไรก็ตามเมื่อเขานำภาพนี้ให้หลายๆคนดู ต่างพูดกันว่าเป็นเรื่องที่แปลกมาก ขณะที่บางคนกล่าวว่าสาเหตุของภาพนั้น อาจเกิดจากการสะท้อนของหน้าปัดรถยนต์

สาวผมยาวในวัดแห่งหนึ่ง

นักศึกษาสาว ม.ราชภัฎสุรินทร์ ถ่ายภาพพี่สาวในวัดติดวิญญาณผีสาวผมยาว ยันไม่ได้ตัดต่อ สุดผวาผีสาวยิ้มให้หลังกดชัตเตอร์

 

นศ.ราชภัฎ ผวาถ่ายภาพพี่ในวัด ติดวิญญาณผีสาว

 

(3 ต.ค.) เมื่อวันที่ 2 ต.ค. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ ได้รับแจ้งจาก น.ส.ไปรยา สาแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาเอกวิชาชีวะวิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฎสุรินทร์ ว่าตนเองได้ถ่ายภาพนิ่งพี่สาวภายในวัดพระพุทธบาทพนมดิน ต.ท่าตูม อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ แต่กลับถ่ายภาพที่เชื่อว่าเป็นวิญญาณผีสาวผมยาวติดมาด้วยหลายภาพ

จากการตรวจสอบภาพดังกล่าวพบว่าเป็นภาพนิ่งที่ น.ส.ไปรยา ได้ถ่ายบันทึกภาพพี่สาวคือ น.ส.จีระญา สาแก้ว อายุ 28 ปี ประมาณ 10 กว่าภาพ ในอิริยาบถต่าง ๆ และในจำนวนนี้ 4-5 ภาพ พบว่ามีภาพครึ่งตัวหญิงสาวผมยาว สวมเสื้อสีขาว บางภาพก็เลือนลางไม่ชัดเจนนัก และมีขนาดไม่เท่ากัน แต่ในจำนวนนี้มีอยู่ 1 ภาพที่มองเห็นภาพอย่างชัดเจน โดยสามารถมองเห็น สีหน้า มีปาก มีจมูก และดวงตาที่ดำคล้ำ ซ้อนอยู่กับภาพ น.ส.จีระญา

ทำให้ผู้ที่มาดูภาพต่างจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเฮี้ยน ขณะที่บางคนไม่เชื่อเกรงว่าจะเป็นภาพที่มีการตัดต่อซ้อนภาพในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่มีการทำอยู่ทั่วไป ซึ่ง น.ส.ไปรยาเองยืนยันว่าภาพทั้งหมดเป็นภาพจริงของตน และบันทึกภาพกับมือไม่ได้ผ่านการตัดต่อแน่นอน

น.ส.ไปรยา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา ตนกับพี่สาวเดินทางกลับมาเยี่ยมปู่ที่ที่ รพ.สุรินทร์ ก่อนที่พี่สาวจะชวนให้เข้าไปทำบุญภายในวัดพระพุทธบาตรพนมดิน และพากันเดินถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกในวัดบริเวณ โดยตนเองเป็นผู้บันทึกภาพโดยใช้กล้อง ยี่ห้อซัมซุง รุ่นคูปเปอร์ ระหว่างที่บันทึกภาพให้พี่สาวไปประมาณ 10 กว่าภาพ ตนไม่ได้สังเกตอะไร จากนั้นพอตนบันทึกภาพสุดท้าย ดวงตาของตนเองแนบส่องอยู่ในช่องมองภาพของกล้อง และเตรียมที่จะเอาออกจากตาหลังบันทึกเสร็จ ได้สังเกตเห็นว่าเหมือนมีคน ซึ่งเป็นหญิงสาวผมยาวดวงตาคล้ำยิ้มให้ จึงรู้สึกตกใจและยื่นกล้องให้พี่สาวคืนพร้อมบอกว่าไม่ถ่ายแล้ว และพากันรีบกลับบ้านทันที

เมื่อมาถึงบ้านก็เอาภาพมาเปิดดู ก็ตกตะลึงเมื่อพบกับภาพติดวิญญาณดังกล่าว และได้ให้พ่อแม่ญาติพี่น้องดู ซึ่งต่างคนต่างก็รู้สึกตกใจไปตามๆกัน จึงพากันไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลที่วัดภายในหมู่บ้านหนองแวง แต่ยังไม่กล้าไปทำบุญที่วัดที่ถ่ายภาพติดวิญญาณดังกล่าว เพราะยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ จากนั้นตนได้นำภาพลงเฟสบุ๊ค แต่ไม่มีใครเชื่อ ต่างก็บอกว่าเป็นภาพตัดต่อ ขณะที่เพื่อนสนิทและเพื่อนๆในชั้นเรียนต่างเชื่อว่าเป็นภาพผีสาวจริง ๆไม่ได้ตัดต่อแต่อย่างใด

ส่วนกล้องยี่ห้อดังกล่าวนี้นี้มีคนบอกว่าสามารถตัดต่อได้ในตัว แต่ตนไม่รู้วิธีการตัดต่อ และถ้าตัดต่อในตัว ทำไมขัดแย้งกับภาพที่ตนเห็นผีสาวยิ้มให้กับตา ตนยืนยันว่าภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ตนเองถ่ายมากับมือ ไม่ได้ตัดต่อแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังทราบมาว่ามีแม่ชีเคยพบเห็นผีสาวผมยาวภายในวัดนี้เช่นกัน

ณ ศาลแห่งหนึ่ง

เป็นภาพที่ถ่ายแล้วนำมาสแกนใหม่ครับ
25030950856m1.gif
ภาพนี้เมื่อครั้งนั้น อ.ศักดิ์สิทธิ์ ทำการถอดถอนศาลผี (ศาลเจ้าแม่)
โดยอาจารย์ได้นิมิตผ้ายันต์คลุมไว้ที่ศาลเจ้าแม่ แล้ว อ.ศักดิ์สิทธิ์ บอกว่าให้ถ่ายภาพที่ศาลเจ้าแม่ไว้ ผลปรากฏว่าภาพที่ออกมาจึงเป็นเช่นนี้แหล่ะ เงาดำๆ นั้นเป็นพลังของเจ้าแม่ ภาพสี่เหลี่ยมสีขาวนั้นเป็นนิมิตผ้ายันต์ของ อ.ศักดิ์สิทธิ์ ที่คลุมตัวศาลไว้ เป็นที่น่าอัศจรรย์ต่อผู้พบเห็นครับ